pass_probation_wiseisght

ผมผ่าน Probation ที่ Wisesight แล้ว !!

ผมผ่านโปรที่ wisesight แล้วครับ หมายถึงผ่านทดลองงานแล้วนั่นเอง บทความนี้ผมจะมาเล่าคราวๆว่า ผมพบเจออะไรบ้าง และการผ่านโปรของผมนั้นผ่านเรื่องราวอะไรบ้าง แต่จะไม่สปอยล์หรอกนะ แค่มาเล่าให้ฟังสนุกๆ

ความเดิมตอนที่แล้ว

ถ้าใครเพิ่งผ่านมาเจอบทความนี้เป็นอันแรกอยากให้ลองกลับไปอ่านตั้งแต่ก่อนเริ่มสมัครงาน นะครับว่ามันเกิดเรื่องราวอะไรขึ้นบ้าง เพื่อว่าบางคนเริ่มมองหางานใหม่จะได้ตัดสินใจถูกและต้องเตรียมตัวอะไรยังไงบ้างครับ อ่านที่จากโพสด้านล่างเลยครับ

https://oxygenyoyo.com/2022/05/27/apple-job-wisesight/
https://oxygenyoyo.com/2022/07/25/impressive-work-wisesight/

อยู่ที่นี่มา 6 เดือนแล้วทำอะไรมาบ้างล่ะ ?

จริงๆผมค่อนข้างโชคดีที่ได้มาอยู่ทีมใหม่เลยแบบไม่มีใครเป็น Senior เลยมีผมคนเดียว และได้ลูกทีม 1 คนเป็นน้องที่เก่งและรู้งานค่อนข้างดีเลย Project ที่ผมดูแลคือ trend จริงๆแล้วมีอีก project นั่นคือ Influencer Portfillo เรื่อง project เดี๋ยวเอาไว้อธิบายทีหลังแล้วครับ อันนี้คราวๆไปก่อน

ได้ฝึกคุม Team

teamwork at wisesight

บอกตรงๆว่าปกติผมจะเป็นคนแนวๆ solo คือจบงานตัวเองก็พอ แต่พอต้องมี team เป็นของตัวเอง แล้วนั้นมันต่างกันคนละเรื่อง การตัดสินใจหลายๆอย่างนั้นต้องดูที่ทีมด้วย ไม่ใช่จะเอาแต่ใจ บ้างครั้งการทำงาน หรือการตัดสินใจบางอย่างทำคนเดียวดี แต่พอเป็นทีมกลายเป็น toxic ได้ เช่น การทำงานล่วงเวลา บอกก่อนเลยว่าผมติดนิสัยนี้มาจากหลายๆที่ที่เคยทำงานด้วย ไม่เคยเลิกตรงเวลา แต่ที่นี่ คือ เลิกตรงเวลา ทำให้ประมาณ 1 เดือนแรกยังติดนิสัยนั้นอยู่ แต่ก็พยายามปรับ เหตุผลเพราะว่าการทำงานล่วงเวลาบางครั้งคือเข้าใจว่าอีกนิดจะเสร็จ แต่พอทำบ่อยๆเข้ามันจะทำให้ทีมเหนื่อยโดยใช่เหตุครับ

เพราะน้องๆในทีมก็จะไม่บอกเราตรงๆหรอก แต่โชคดีผมมีทีมดีที่กล้าบอกตรงๆก็ปรับกันไปครับ เดี๋ยวจะไปเล่าต่อว่าทำไมน้องในทีมถึงกล้าจะบอกเราครับ ต่อมาเรื่องการตัดสินใจเรื่องการใช้เทคโนโลยีต่างๆกับ project เราต้องคำนึงถึงทีมสกิล และเวลาของทีมกับเทคโนโลยีนั้นๆ เข้าใจแหละว่าคนส่วนใหญ่ก็จะชอบ เทคโนโลยีใหม่ๆ แต่ว่า ถ้ามันทำให้ทีมทำงานลำบากหรือยากขึ้นก็คิดว่าไม่ควรเอามาใช้งาน อย่างมากคงเอาไปลอง project เล็กๆก่อน

มีเวลาให้ศึกษาสิ่งใหม่ๆ

time

จากที่บอกไปว่าที่นี่ค่อนข้างให้เวลาสำหรับ develper จริงๆนะครับ คือ เลิกงานคือเลิกจริง ไปเที่ยวคือไปเที่ยวได้ หลายๆบริษัทที่ผมเคยอยู่ขนาดไปเที่ยวญี่ปุ่นยังต้องเอาคอมไปด้วยอ่ะ ไม่มีคนตามคุณในวันหยุดจริงๆ ถ้าหากมันไม่เกิดเหตุฉุนเฉิน ซึ่งบอกเลยว่า ไอ้เหตุฉุนเฉินเนี้ยผมยังไม่เจอเลยตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่มา 6 เดือน และความประทับใจอีกอย่างคือตอนคุณ deploy อะไรซักอย่างแล้วติด เพื่อนๆในทีม product อื่นก็มาคุยเป็นเพื่อนเป็นกำลังใจให้ ผมชอบ moment แบบนี้นะ ถึงเขาไม่ได้ช่วยอะไรแต่มันรู้สึกอุ่นใจว่าตูไม่น่าจะทำอะไรพลาด และสามารถถามคนที่อยู่ในห้องได้เลย

บทบาทที่มากกว่า dev

multiple roles

นอกจากจะได้พัฒนาโปรแกรมแล้วในส่วนของหน้าที่หลักที่ต้องเติบโตเรามีส่วนชอบออกความคิดเห็นใน product ที่เราทำงานอยู่ด้วย แบบเต็มที่โดยทีมจะฟังแล้วจะปรับไม่ปรับก็ว่ากันอีกที แต่ทุกคนจะกล้าแสดงความคิดเห็น เราสามารถต่อรองกับ PO ( Product Owner ) ได้เพื่อปลายทางเราทุกคนก็อยากได้ Product ที่ดี ที่นี่นอกจากงาน Code แล้วเรายังมีส่วนร่วมในการได้เห็นการทำงานของแต่ละทีมอื่นๆอีกด้วย เช่น ได้รับรู้ว่าตอนนี้ทีมขายอาจจะเอา product ของเราไปส่งมอบลูกค้าแล้วนะ หรือถ้าแบบตอนนี้เก็บเงินไม่ได้เพราะลูกค้าอยากได้ feature อะไรเพิ่มเติมก่อนจะทำจ่ายได้ สิ่งเหล่านี้จะทำให้เราสามารถรับรู้ว่าเราจะสามารถช่วยเหลือทีมอื่นได้อย่างไรบ้าง

ทุกๆครั้งที่จบ sprint จะมีการ sprint review ซึ่งเราต้องทำ slide เพื่อบอกให้ทางฝั่ง business ได้ทราบว่าแต่ละ product process ที่ผ่านมาเป็นอย่างไร ทำอะไรออกมามีผลอะไรให้ทางทีมอื่นสามารถขายเพิ่มเติมได้ไหม หรือช่วยให้ทีมอื่นทำงานง่ายขึ้น ตรงนี้ทุกคนจะได้พูดและถือว่าเป็นการฝึกฝนการ present ไปด้วยในตัว บางคนพูดช้าไป บางคนพูดเร็วไป บางคนทำ slide ไม่ละเอียดจะมีช่วงซ้อมมือให้ก่อนด้วย เพื่อให้สามารถทำได้ดีในวันจริงครับ

กฎและกติกามาจากการแชร์และตัดสินใจร่วมกัน

อันนี้ผมชอบเป็นการส่วนตัว ปกติบริษัททั่วไปการคิดกฎหรือกติกาอะไรขึ้นมาบ้างอย่างนั้น มันจะมาจาก C Level เช่น CTO หรือคนระดับสูงซึ่งบางครั้งการตัดสินใจแบบนั้นมันไม่สามารถมองเห็นภาพรวมด้านล่างได้ หรือการทำงานระดับล่างที่เกิดปัญหาได้ เพราะฉะนั้นการแชร์ตรงนี้ทำให้เกิดทั้งไอเดียใหม่ๆ และมีการปรับจูนของเดิมที่ไม่ดี

ยกตัวอย่างเช่น การที่ใครซักคนจะพัฒนาจากตำแหน่ง Junior ไป Senior ถ้าเป็นบริษัททั่วไปก็คืออยู่ที่อายุปีที่ทำงาน และตำแหน่งต้องว่างลง แต่ที่นี่เราเปิดให้ Junior สามารถขึ้นมาเป็น Senior ได้หมดเลย โดยเกณฑ์การตัดสินก็เป็นสิ่งที่ Senior ได้ร่วมออกแบบและตัดสินใจร่วมกันว่า มันควรจะเป็นแบบไหนอย่างไร และมีการปรับเรื่อยๆ ถ้ายากไปก็ปรับลดถ้าง่ายไปก็ปรับเพิ่มหน่อย แม้แต่เรื่อง Code template ต่างๆพวกเราเองก็มีการช่วยเหลือกันและทำมันออกมาให้ง่ายต่อการใช้งานภายในอีกด้วย

ทำไมถึงกล้าให้ Feedback ต่อกันตรงๆ

ที่นี่ เรามีการให้ Feedback เกือบทุกเรื่องที่ Developer มีส่วนร่วม ด้วย mind set ที่เราทุกคนอยากให้ช่วยให้คนอื่นเก่งขึ้น การให้ Feedback จะไม่ได้รุนแรงแค่เป็นการชี้จุดที่เรายังสามารถพัฒนาได้ ยกตัวอย่างเช่น สมมติคุณทำ slide present project บางอย่าง ก็จะมีคนมานั่งฟัง และดู slide ว่ามันโอเคไหมอย่างไร ถ้าสมมติไม่โอเคหรือมีจุดปรับปรุงได้เขาจะพูดทำนองว่า

“เสียดายตรง slide หน้านั้นนะ ถ้าทำให้เห็นภาพมากขึ้นกว่านี้น่าจะเข้าใจง่ายขึ้น”

“พี่พูดว่า ลดลงเท่าตัว แต่ตอนแรกผมเข้าใจว่าเป็นอีกอย่าง”

คือ การทำเรื่องการรับ/ให้ feedback อย่างสม่ำเสมอ จึงสามารถวางใจ และรับฟังได้อย่างเต็มที่ โดยจะไม่มีความคิดแง่ลบ เพราะอย่างที่บอกการคัดคนว่าเหนื่อยแล้วใครจะอยากให้ท้อให้ลาออกกันล่ะ ก็ต้องช่วยๆกันอย่างถึงที่สุด

ทำไมถึง Trust กันได้ขนาดนี้ ?

ผมนั่งคิดหลายๆครั้งเหตุผลหลักๆ คือ การคัดคนเข้าทำงานที่นี่ค่อนข้างจะจริงจัง หลายๆบริษัทชอบคิดประมาณว่า แมวสีอะไรจับหนูได้ก็พอ แนวคิดนี้จะสร้างปัญหาให้กับองค์กรในภายหลังเพราะการได้คนเก่งแต่ทัศนคติแปลกๆมาจะทำให้ทีมทำงานยากกว่า การที่ได้คนสกิลธรรมดาแต่ทัศนคติดีครับ ซึ่งบอกเลยว่าที่นี่ไม่ได้เป็นแบบนั้น คือต่อให้จะเป็นคนทำอะไรไม่เป็นจริงๆแต่ถ้าหากผ่านการสัมภาษณ์งานที่นี่ได้จริง ก็คิดว่าเขาจะพัฒนาตัวเองจากไม่มีอะไรให้มีอะไรเกิดขึ้นได้ พอเรา trust กับระบบในการคัดคนแล้ว เราจะไม่กลัวว่าใครจะคิดอะไรในแง่ลบ เพราะทุกคนผ่านการคัดแบบจริงจังมาแล้ว

ผ่านโปรแล้วยังไงต่อ ?

แน่นอนว่าเป้าหมายเริ่มต้นถูกเก็บไปหมดแล้วแต่เป้าหมายต่อไปก็เริ่มต้นเช่นกัน ผมยังอ่อนประสบการณ์อยู่เสมอและต้องพัฒนาตลอดเวลา ผมรู้ว่ายังขาดและที่นี่ก็ยังมีอะไรให้ผมสามารถรับและให้กับที่นี่ได้และเชื่อว่าเครื่องมือที่ผมต้องดูแลยังคงต้องการ การพัฒนาที่ดีกว่านี้ เพื่อให้สามารถช่วยเหลือคนอื่นได้มากกว่านี้อีกครับ

ผมยังคงต้องคุยกับโค้ชเพื่อให้รู้ว่าเป้าหมายต่อไปของผมนั้นตอบโจทย์ทั้งตัวเองและทีมมากแค่ไหนและทีมเราจะไปมุ่งไปในทางที่ถูกต้องหรือไม่อีก มันยังไม่จบง่ายๆหรอกครับ ปีหน้าผมจะได้รับน้องอีกเพิ่มอีกคนในทีม ซึ่งมันต้องไม่เหมือนการมีน้องในทีมแค่ 1 คนแน่ๆ การกระจายงาน การทำงานของทีมจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างแน่นอน

อยากให้ลองสมัครดู

เล่ามาทั้งหมดเป็นความประทับใจและก็การทำงานของที่นี่ค่อนข้างดีเลยทีเดียวออฟฟิตเองก็เป็นเหมือนสถานที่ร่วมคนเล่นเกม สังสรรค์ เม้าส์ๆ ผมบ้านห่างจากออฟฟิตมากนะ แต่ก็ไปทุกสัปดาห์ เพราะสถานที่มันน่าไปด้วยแหละ มันมีบรรยากาศคล้ายๆตอนเรียน มหาลัยที่ เวลาเราว่างๆ เรามักจะไปอยู่ในชมรม ที่นี่ให้อารมณ์แบบนั้นกับผม เป็นชมรมที่ผมจะไปเมื่อไหร่ก็มีคนที่พร้อมจะคุยกับเรา เล่นกับเรา หรือทักทายเราอยู่เสมอ ความรุ้สึกนี้บอกตรงๆว่า ผมหายไปนานมาก หวังว่ามันจะอยู่กับผมตลอด ในขณะที่ผมยังทำงานอยู่ที่นี่

ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมทุกๆครั้งที่นี่ มีจัดงานใดๆ จะมีคนเก่าที่เคยทำงานกลับมาเยี่ยม กลับมาสนุกทุกครั้ง เพราะที่นี่มันมีมนต์เสน่ห์บางอย่างที่น่าประหลาดใจไงล่ะ ผมอาจจะอธิบายมันไม่ได้หมดหรอก ต้องเป็นคุณที่อ่านบทความนี้อยู่มาลองรับประสบการณ์นี้ไปด้วยตัวเองครับ

https://career.wisesight.com/

ฝากบอกตอนสัมภาษณ์นิดนึงว่าอ่านจากบทความนี้นะครับ ผมอยากรู้เหมือนกันว่าผมเองจะจุดไฟคุณที่กำลังอ่านอยู่ได้จริงไหม แล้วเจอกันที่ wisesight นะครับ

Loading

เป็นโปรแกรมเมอร์ที่ตามหาคุณค่าของชีวิตและความฝันในวัยเด็ก ชอบเล่นเกม เรียนรู้ทุกอย่าง ชอบเจอคนใหม่ๆ งานสังคมทุกชนิด ออกกำลังกายในวันว่าง อ่านหนังสือ มีเว็บรีวิวหนังสือด้วย www.readraide.in.th