จ้างเขียน content “แค่นี้” ทำไมถึงแพง ?

การทำ content ในปัจจุบันมีความหลากหลายมากๆแต่ว่า ทำไมคนชอบคิดว่ามันราคาถูก ชอบคิดว่าแค่นี้ไม่น่าแพง

ผู้จ้าง:  “น้องคะ รับงานเขียนเนื้อหาลงเพจพี่ไหมคะ ? บทความละ 100 บาท ทำดี 300 บาทต่อบทความจ้า”

ผู้จ้าง:  “น้องคะ รับงานเขียนเนื้อหาลงเว็บพี่ไหมคะ เขียนทุกวันวันละ xxx บาท ?”

หลากหลายการจ้างงานด้านนี้ที่ผู้จ้างยังไม่ทราบว่าเรตราคามันเท่าไรและทำไมมันถึงเริ่มมีราคาสูงในตลาดแรงงานด้านนี้ที่ปีนี้กำลังมาเพราะว่า เราทุกคนต้องการคนเขียนเนื้อหาให้เพจ เว็บ หรือ โซเชียลมีเดียทุกๆอันมีการเคลื่อนไหวให้คนสนใจและติดตามเรา แต่ปัญหาคือ ผู้จ้างหน้าใหม่จากตลาด offline ที่เพิ่งกระโดดเข้ามาเล่นนั้นไม่รู้ราคา หรือหน้าเก่าที่ไม่ทราบว่าจริงๆแล้วเนื้อหาด้านนี้มันพัฒนาไปถึงไหนต้องลงทุนอะไรบ้าง บทความนี้จะเปิดเผยเท่าที่ผมทราบครับ

ทำไมการเขียน content ถึงมีราคา ? ไม่ใช่แค่นี้

ประสบการณ์การเขียน

สำหรับหัวข้อนี้ผมอยากอธิบายซักหน่อยว่ากว่าจะมาเป็นคนเขียน content หรือเนื้อหาประกอบเว็บ หรือ เพจ หรือ โชเชียลต่างๆเนี้ยเขาต้องลงทุนอะไรกันบ้าง เนื้อหาที่ผมกล่าวถึงนั้นไม่ใช่แค่ การเขียนหรือพิมพ์เนื้อหา แต่รวมถึงการทำภาพประกอบ vdo เสียง ส่วนต่างๆที่มาทำให้เนื้อหาเกิดขึ้น การฝึกเขียนให้ดีและมีคนสนใจสิ่งที่เขียนนั้นไม่ได้อยู่ๆคุณจะทำได้ทันทีไม่ใช่การ copy แล้วทำได้เหมือนกันทันที และต้องปรับตัวตามกระแสโลกที่เกิดขึ้นอีกด้วย

สิ่งเหล่านี้ถ้าหากผู้จ้างคิดว่าค่าเสียโอกาสของผู้จ้างต่ำกว่าการเรียนรู้ก็อยากแนะนำให้ลองทำดูครับ การสร้าง content ให้ติดกระแสหรือทำให้คนสนใจไม่ใช่เรื่องง่าย สังเกตุว่ามีช่วงสองปีก่อน ก็มีการเขียน content ล่อคนหรือเรียกกันว่า click bait ( ล่อให้คลิกเนื้อหานั้นๆ ) ยกตัวอย่างเช่น นายกแก้ไขกฎหมายรถกระบะ อ่านแล้วถึงกับอึ้ง !!! เนื้อหาประเภทนี้ที่สุดแล้วก็ตกเทรนด์ไปตามกาลเวลา แต่ๆ คนที่กอบโกย ณ ตอนนั้นก็ถือว่าทำได้ดี ซึ่งการเกาะกระแสพวกนี้ต้องเป็นคนชอบดูเหตุการณ์ใน social media ไม่ใช่นักศึกษาฝึกงาน หรือ เด็กที่ไหนทำก็ได้นะครับ

ซึ่งจากสิ่งที่บอกไปนั้นการจะมีประสบการณ์การเขียนที่ดี เน้นนะครับที่ดีเนี้ยไม่ใช่ง่าย ถ้าคนที่มาสร้าง content ให้แก่คุณนั้นทำงาน ห่วย หรือทำแบบขอไปที จะทำให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์คุณเสียหายชนิดว่าคุณรับไม่ไหวเลย ยกตัวอย่างก็อย่าง admin joox ที่ตอบคำถามลูกค้าที่มาติดต่อสอบถามลูกค้า อยากรู้เป็นอย่างไรเชิญทางนี้ http://positioningmag.com/1120793

พูดถึงเรื่องภาพนิดหน่อย แล้วกันว่าการสร้างภาพประกอบเนื้อหาก็ไม่ใช่หยิบไอ้นู้นนี่มาใส่ได้นะครับ ต้องเหมาะกับแบรนด์เหมาะกับเนื้อหาของเว็บหรือแบรนด์คุณอีกครับ การเลือกภาพเผลอๆนานกว่าการเขียน content ประกอบซะอีกอันนี่พูดจริงๆเพราะเว็บนี้เวลาเขียนเนื้อหาให้อ่านพิมพ์อ่ะแปปเดียวเลือกภาพทีเป็นวัน แล้วไม่ใช่ว่าการเลือกภาพมาจะใช้ได้เลย ต้องตัดต่ออีก ต้องใช้โปรแกรมอีกหลายโปรแกรมเป็นก็อย่างที่บอกไม่ใช่หาใครก็ได้ บางคนจะมีสกิลการเขียนติดตัวมาอีกทำให้ค่าตัวแพงขึ้นไปอีก เพราะการเขียนของเขามีคนชอบ คนติดตามหรือเขารู้ว่าทำอย่างไรคนจะติด content ของเราที่เป็นผู้ว่าจ้าง

ต้นทุน

ใครๆก็ชอบคิดว่าการฝึกทำ content เดี๋ยวนี้ถูก บอกเลยไม่จริง ย้ำ !! ไม่จริง !!!! เพราะอะไร เอาเรื่องการฝึกเขียนก่อนนะครับ กว่าคนเราจะรู้ว่าการเขียนแบบไหนถูกใจคนที่มาติดตามเว็บไม่ก็เพจเนี้ย คุณต้องเสียเวลาและลงแรงไปเยอะมากจริงๆ ต้นทุนตรงนี้คือ เวลา ซึ่งหลายคนฝึกฝนนานและต้องไปดูว่าต่างประเทศเขียนอย่างไร คนบ้านเราชอบแบบไหนอีก คนแต่ละที่มีความเป็นปัจเจก ซึ่งก็ต้องหาอีกว่าคนที่ชอบอยู่ไหนทำเว็บแบบนี้เนื้อหาแบบนี้เหมาะไหมกับคนที่มารับชมเว็บหรือเพจ

โปรแกรมตัดต่อ ณ ปัจจุบันก็ต้องเสียเงินเป็นรายเดือนสำหรับฝึกใช้ตัดต่อภาพไม่พอยังต้องหาแนวการจัดวางองค์ประกอบต้องรู้อีกว่าการทำภาพสำหรับโฆษณาใน Facebook มีกฎอะไรอย่างไร ซึ่งตรงจุดนี้ผู้ว่าจ้างยังไม่ทราบเลยว่า อ้าวทำภาพโฆษณาใน Facebook แตกต่างจากการทำภาพประกอบโพสด้วยหรอ ต้องเรียนตรงๆว่า มันคนละศาสตร์กันเลยครับ

โปรแกรมทำภาพเคลื่อนไหว หรือ ตัดต่อคลิปสั้นๆ พวกนี้ไม่ใช่ฟรีนะครับ ต้องเสียเงินด้วย มากน้อยว่าไปกันไปแต่ต้องทดสอบโปรแกรมอีก ไม่ใช่ซื้อมาแล้วจบ โปรแกรมโลกนี้มีเป็นหมื่นๆ คำถามว่าผู้จ้างจะไปนั่งหาไหมก็คงไม่ถูกต้องไหมครับเอาเวลาไปหาเงินดีกว่า ทางที่ดีควรจ้างคนทำ content ที่เชื่อถือได้และทำงานดี ดูจากผลงานเขาก็ได้ครับ

เทคนิคการดูแลเพจ

ปฎิเสธไม่ได้เลยว่า Facebook มีอิทธิพลกับคนไทยมากเป็นพิเศษหลายๆคนมาเริ่มต้นจาก Facebook page ก่อนจะมีเว็บซะอีกเหตุผลหลักๆคงเป็นเรื่องมันฟรี เป็นการมีเว็บที่ต้นทุนต่ำสุดแต่มันฟรีและลงทุนต่ำคุณคิดว่าจะได้อะไรจากมันหรอครับ บอกเลย ไม่มี !!! ทุกอย่างต้องเอาเงินมาดันเพื่อให้มีคนรู้จัก ให้มีคนสนใจในสิ่งที่แบรนด์ของคุณพูด พวกนี้จะทำงานแบบไม่เอาเงินดันบอกเลยต้องเทพ แต่ไม่ใช่ว่าไม่มี มันมีถึงมาคุยเป็นหัวข้อนี้ครับ

การดูแลเพจแตกต่างจากการดูแลเว็บเพราะว่าการตอบสนองต้องเร็วกว่าและคนจะรู้สึกเข้าถึงกว่า เว็บเป็นเหมือนฐานทัพและ Facebook เหมือนหน่วยทหารที่ส่งออกไปหาลูกค้าเพื่อเข้าเว็บอีกที่ คนที่ดูแลเพจได้ดี คนพวกนี้ต้นทุนแพงมาก เพราะการจะเรียนรู้ว่าคนใน Facebook page เป็นอย่างไร และตอบสนองได้ดี ไม่ใช่ทุกคนทำเป็น คือมันเรียนรู้กันได้แหละ แต่คุ้มไหมถ้าเจ้าของแบรนด์ต้องมานั่งทำเอง เน้นย้ำว่า ถ้าค่าเสียโอกาสของคุณแพงกว่ามานั่งเรียนรู้การดูแลเพจก็จ้างเถอะครับ 

ตำแหน่งรูปแต่ละจุดแตกต่างกัน และต้องทำภาพประกอบทุกจุดการ link จาก page ไปหาเว็บหรือทำให้มันปฎิสัมพันธ์อย่างไรคนถึงชอบ ภาพแบบไหนที่ประกอบกับแบรนด์ของคุณแล้วเป็นกระแสสังคมที่ทำให้คนมาสนใจเพจของคุณ สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ดูแล้วจะเข้าใจต้องลองทำลองดู นี่ยังไม่นับเรื่องที่คนดูแลต้องรู้เวลาโพสที่ถูกที่ ถูกเวลาและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดแก่คุณด้วย การจะหาคนแบบนี้ไม่ใช่จ้างๆมาใครก็ได้นะครับ มันถึงได้มีมูลค่าในตัวคนทำเนื้อหาไงล่ะครับ

การยิงโฆษณาไม่ใช่การเอาเงินไปเผาเล่นนะครับ มันมีศิลป์เยอะกว่าที่คุณผู้ว่าจ้างคิดเยอะมาก เอาจริงๆถ้าเจอคนยิง ads facebook เป็นและทำเนื้อหาเป็นคุณควรจ้างเขาแบบไม่ให้เปลี่ยนใจเลยเพราะคนประเภทนี้ยิ่งหายากเข้าไปใหญ่เขาจะรู้ว่าทำภาพแบบไหน Facebook จะให้โฆษณาหรือเขียนคำโปรยแบบไหนที่ดูน่าอ่าน และบางครั้งการเปลี่ยนภาพหรือคำโปรยนิดเดียวผลลัพธ์ต่างกันเป็นคนละเรื่องก็มีอันนี้ผมขอยืนยันด้วยตัวผมเองเลยครับ

ความเข้าใจ content

เนื้อหาบางครั้งไม่ได้มาในรูปแบบของการเขียนบทความเสมอไป เพราะการเสพเนื้อหาของทุกคนไม่เหมือนกันอยู่ที่คนสร้างเนื้อหานั้นถนัดด้านไหนอย่างไร ถ้าคุณขายเสื้อผ้าก็คงอยากได้ภาพสวยๆมากกว่าบทความ เอาจริงๆผมคิดว่าแม่ค้าใน IG ทำภาพได้น่าสะดุดตาเยอะเหมือนกัน แต่ถ้าอยากได้ภาพแบบระดับที่ดูดีไม่ใช่ถ่ายแบบมือสมัครเล่นมันก็จะเป็นอีกเรื่องหนึ่งครับ

การทำ vdo youtube พวกนี้ไม่ใช่มีไอเดียแล้วซื้อ iphone ถ่ายๆจบๆไปได้นะครับมีอีกหลายอย่างที่ทางคนทำเนื้อหาต้องเอาไปตกแต่ง ตัดต่อ และใส่เพลงหรือเสียง พวกนี้ก็ไม่ใช่เอาเพลงจากไหนมาใส่ได้อีกเพราะคนทำเนื้อหาเป็นเขาจะระวังหลังให้คุณผู้ว่าจ้างด้วยว่าเพลงใช้ได้หรือไม่ได้ ต้องซื้อเท่าไร ถึงจะถูกและดี เพราะคนสร้างบางคนไปโหลดเพลงเถื่อนมาผู้จ้างก็ไม่รู้ว่าเขาใช้ของเถื่อนถูกฟ้องมาเรื่องยาวอีก เรื่องเกี่ยวกับด้านนี้เดี๋ยวเอาไปเล่ายาวๆในหัวข้อ ความรับผิดชอบ แล้วกันครับ

เพราะฉะนั้นก็เลือกคนที่ถูกต้องให้เหมาะกับสิ่งที่เขาถนัดอาจจะให้โอกาสลองใหม่ๆดูแต่อย่าคาดหวังสูงมาก ถ้าคนไหนไม่ชอบอะไรก็คุยกันดีๆ ทำอะไรถนัดเขาจะสร้างเนื้อหาด้านนั้นออกมาให้ได้ดีถ้าเขาถนัดครับ เพราะบางคนชอบเขียนบทความวิเคราะห์ บางคนชอบวาดรูปประกอบเป็นการ์ตูน บางคนถนัดเขียนอะไรแซ่บๆด่าคน ผมยกตัวอย่างว่าอย่าง จ่าพิชิต เขารู้จักนิสัยคนไทยดี จึงทำเพจ ดราม่าและเริ่มเขียนเนื้อหาเกี่ยวกับคนทะเลาะกันปรากฎว่าคนก็ตามอ่านกันเยอะมากๆ จนทุกวันนี้กลายเป็นคนทรงอิทธิพลใน internet คนหนึ่งเลย แบบนี้แหละครับคนที่เข้าใจ content ของตัวเองครับ

อย่างบางคนเต้น ขายครีม อันนี้ส่วนตัวก็ไม่ค่อยเชื่อว่าขายได้ แต่มันขายได้จริงๆนะเออ อันนี้ก็งงๆกับคนเสพ content ในไทยเหมือนกัน เพราะฉะนั้นก็ต้องดูว่าของที่ขายของคุณคืออะไรแล้วตามหาคนทำ content ที่เหมาะสมครับ

ความรับผิดชอบ

ขอเน้นเรื่องนี้หนักๆหน่อยเพราะว่าหลายๆคนใน internet อยากรับชอบ ไม่ค่อยรับผิดกันเท่าไร อยากบอกว่าคุณที่ทำเนื้อหาให้คุณนั้นเหมือนเสมือนตัวแทนของคุณที่ไปบอกลูกค้าหรือ partner และการตัดสินใจอะไรที่ไม่เข้าท่าจะนำมาซึ่งคนมองแบรนด์ของคุณติดลบได้ทันที กระบวนการแก้ไขเนี้ยเรียกได้ว่าอาจจะแพงกว่าค่าตัวที่คุณจ้างคนทำเนื้อหาอีกหลายเท่ามากๆ

กรณีของคน copy content จากเว็บอื่นๆ มาใส่ในเว็บของคุณ ต้องเรียนให้ทราบว่าปัจจุบันคนไทยเล่น internet ไม่ได้หูหนวก ตาบอดการตัดภาพจากเพจดังๆ หรือคัดลอกบทความจากเว็บอื่นๆมาใส่ บทความตัวเองเนี้ยอาจะถูกดำเนินคดีได้เลย และหลายคนจะแจ้งเจ้าของบทความหรือภาพนั้นๆอีกด้วย ซึ่งก็นับว่าเป็นเรื่องดี แต่ถ้าคนทำเนื้อหาของคุณกลับเป็นคนที่ไม่รับผิดชอบเท่าไร ชอบไปอ่านเว็บอื่นๆแล้วคัดลอกบทความเหล่านั้นมาทำเว็บของคุณ คนอื่นๆจะมองเว็บหรือแบรนด์ของคุณเสียหายหนัก

ผมจะยกตัวอย่างจากกรณีนี้ให้ดูว่าคนทำเนื้อหาที่ไม่รับผิดชอบนั้นทำให้เกิดอะไรขึ้นได้บ้าง กรณีนี้คือ มีการคัดลอกบทความจากเว็บหนึ่ง ( สมมติว่าชื่อเว็บ M ) ที่ผมรู้จัก โดยเว็บที่คัดลอก ( สมมติว่าชื่อเว็บ U ) ไปอ้างว่า คนทำเนื้อหาบอกว่าไม่ได้คัดลอก และทางเว็บเขาก็ไม่ชอบให้ใครคัดลอกอีกด้วย แต่แทนที่เรื่องจะจบกลับไม่จบตรงที่ว่า ทางเว็บที่คัดลอกไปไม่สามารถตอบคำถามได้ว่า

  • จุดที่พิมพ์ผิดทำไมเหมือนกันเลย
  • บทความเหมือนกันเกือบจะ 80%

สุดท้ายพบว่า คนทำเนื้อหาที่เว็บ U คัดลอกไปจ้างมานั้น ลอกบทความไปจริงๆแล้วยังเขียนบทความมาแซะเว็บ M ต้นฉบับตามนี้เลย ตลกนี้เป็นคน ก๊อปเขาแล้วมาเขียนบทความสอนคนถูกก๊อปว่าทำอย่างไรในการป้องกันคนก๊อป

ซึ่งเว็บ U ได้ลบบทความทั้งสองอันออกไปแล้ว อันนี้ผมจะแปะไว้เป็นกรณีศึกษาของการจ้างคนทำเนื้อหาที่มี EQ ต่ำแล้วกัน หวังว่าคนที่ทำคงต้องปรับปรุงตัวและยอมรับกันไป เอาจริงตรงจุดนี้ผมคิดว่าออกมายอมรับและขอโทษแต่แรกเรื่องมันก็น่าจะจบง่ายแล้ว แต่คนทำดันอยากขึ้นหลังเสือ ไม่ยอมรับจึงอยากอุทิศบทความนี้บอกไปด้วยในตัวถือว่าเป็นผลของการกระทำของคุณแล้วกันนะครับ

แต่เรื่องราวจบลงด้วยดีนะครับเว็บ M และ U ก็รู้จักกันและก็ยังคงมีสัมพันธ์ที่ดีต่อกันครับ อันนี้ไม่ต้องห่วง

อันนี้เป็นกรณีศึกษาจึงอยากให้ผู้ว่าจ้างงานเข้ากันว่า มันมีหลายๆอย่างในการจ่ายมูลค่าของงานแพงเพราะว่าคนที่ทำเนื้อหาไม่ใช่ใครก็ได้ แต่ต้องมีประสบการณ์ ความใส่ใจ และรักในแบรนด์ของคุณจริงๆ สำหรับบทความนี้ต้องขอลาไปก่อนพบกันใหม่บทความหน้าครับ สวัสดีครับ

มีบทความที่เขียนอ้างอิงกับบทความนี้ลองไปอ่านอีกมุมมองหนึ่งดูครับ

ทำไมคุณถึงควรจ้างเขียนบทความในราคาแพงขึ้นอีกสักนิด?

Loading

เป็นโปรแกรมเมอร์ที่ตามหาคุณค่าของชีวิตและความฝันในวัยเด็ก ชอบเล่นเกม เรียนรู้ทุกอย่าง ชอบเจอคนใหม่ๆ งานสังคมทุกชนิด ออกกำลังกายในวันว่าง อ่านหนังสือ มีเว็บรีวิวหนังสือด้วย www.readraide.in.th